การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม
กระบวนการดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
การรับรองระบบมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
นโยบายด้านบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ดาวน์โหลดนโยบายด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
การบริหารจัดการพลังงาน
พีทีจี ดำเนินการจัดการพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในรูปแบบพลังงานเชื้อเพลิง และพลังงานไฟฟ้า โดยการดำเนินการตามมาตรฐานการจัดการพลังงาน ติดตาม ตรวบสอบผลการดำเนินงาน และนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จึงมีการบันทึกข้อมูลปริมาณพลังงานที่ใช้ในแต่ละปี เช่น การใช้เชื้อเพลิงของรถขนส่ง และการใช้ไฟฟ้าในสำนักงาน เพื่อให้บริษัทฯ สามารถทราบแนวโน้มการใช้พลังงานและประเมินจุดที่สามารถปรับปรุงหรือประหยัดพลังงาน แล้วนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นโครงการลดการใช้พลังงาน เพื่อให้มีการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- โครงการรณรงค์การประหยัดพลังงานไฟฟ้า
ภายในสำนักงานใหญ่
พีทีจี ดำเนินโครงการลดการใช้ไฟฟ้าภายในสำนักงานใหญ่อย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการสร้างความตระหนักและสร้างการมีส่วนร่วมให้กับพนักงาน โดยการสื่อสารแนวทางปฏิบัติในการประหยัดพลังงานให้พนักงานรับทราบผ่านช่องทางการสื่อสารที่องค์กรกำหนด เพื่อให้พนักงานปฏิบัติตามมาตรการประหยัดพลังงาน อาทิ การปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งานและการปิดไฟช่วงเวลาพักเที่ยงของพนักงาน การปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เวลาพักกลางวัน หรือการตั้งโหมดแสตนด์บาย สำหรับเครื่องถ่ายเอกสาร และคอมพิวเตอร์ การปรับอุณหภูมิแอร์ที่เหมาะสม การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน การตั้งเวลาเปิด ปิด เครื่องปรับอากาศหลังเวลาเลิกงาน และการเปิดไฟเฉพาะพื้นที่ที่มีคนนั่ง เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าบริเวณที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับการรับรองว่าเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน -
โครงการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
พีทีจีมุ่งเน้นการบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการติดตามและบันทึกข้อมูลการใช้น้ำมันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบค่าปรับส่วนเกินอย่างสม่ำเสมอ และจัดทำรายงานสรุปผลการใช้น้ำมันเพื่อนำเสนอแก่ผู้บริหารในทุกเดือน
-
โครงการ Green Meetings การจัดประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำนักงานใหญ่
พีทีจี ได้นำแนวคิดการจัดประชุมแบบยั่งยืนมาร่วมกำหนดรูปแบบการจัดประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร (Green Meeting) โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรและพลังงานขององค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์ตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติเลือกสถานที่ประชุมให้เหมาะสมกับจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม และเลือกใช้อุปกรณ์ภายในห้องประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมสามารถปฎิบัติตามข้อกำหนดห้องประชุมสีเขียว (Green Meeting) อาทิ การปิดไฟ โทรทัศน์ และถอดปลั๊ก หลังเลิกใช้งาน, งดรับประทานอาหารภายในห้องประชุม เพื่อลดปริมาณการเกิดขยะ เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) - โครงการ Sustainability Events
การจัดงานอย่างยั่งยืน Sustainability Events การจัดงานอย่างยั่งยืนภายใต้แนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดงานอย่างยั่งยืนของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วมในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจัดงาน และเกิดความตระหนักในการมีส่วนร่วมลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้นทาง จากการใช้พลังงาน ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการเกิดของเสียภายในองค์กร โดยโครงการนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ภายใต้ความร่วมมือของผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วมงาน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ผลการดำเนินงาน
ตัวชี้วัด | 2565 | 2566 | 2567 |
สัดส่วนปริมาณไฟฟ้าต่อยอดขายน้ำมันผ่านคลังน้ำมัน (หน่วย : kwh/ลิตร) | -26.21% | -5.76% | -1.64% |
สัดส่วนปริมาณไฟฟ้าต่อยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการ COCO (หน่วย : kwh/ลิตร) |
-65.96% | -1.77% | 9.38% |
อัตราการใช้ไฟฟ้าต่อคนจากกิจกรรมภายในพื้นที่สำนักงานใหญ่ (หน่วย : kwh/คน/เดือน) | 58.56 | 23.55 | 22.38 (-4.97%) |
ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ในองค์กรลดลง (หน่วย : ลิตร/เดือน) | 46,433.71 | 39,104.59 | 43,080.39 (10.17%) |
- สัดส่วนปริมาณไฟฟ้าต่อยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการ COCO เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นจากการขยายสถานีบริการ และการใช้บริการของผู้บริโภคที่มากขึ้น
- ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้น เนื่องจากการขยายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มสาขาของสถานีบริการ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และกลุ่มธุรกิจอื่น
การบริหารจัดการน้ำ
พีทีจี ตระหนักว่าน้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและจำเป็นต่อทั้งการดำเนินธุรกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน บริษัทมีการใช้น้ำในหลายกิจกรรม อาทิ การให้บริการสถานีบริการน้ำมัน การล้างรถ การเตรียมอาหารและเครื่องดื่มภายในร้านค้า (Punthai Coffee, Max Mart) และการใช้น้ำเพื่อการดำเนินงานทั่วไปในสำนักงาน น้ำที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากระบบประปาสาธารณะ และในบางพื้นที่ที่ไม่มีระบบประปา บริษัทใช้น้ำบาดาลโดยอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมาย
อีกทั้ง ได้มีการกำหนดมาตรการในการประหยัดน้ำ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน และสอดคล้องกับนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (Quality, Security, Occupational Health and Safety, Environmental Policy: QSSHE) ขององค์กร โดยมีแนวทางในการปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้
- กำหนดให้สถานประกอบกิจการในแต่ละกลุ่มบริษัท มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย หรือถังดักไขมัน เพื่อจัดการน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง และเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำทิ้งที่ปล่อยออกสู่สาธารณะ มีค่าเป็นไปตามมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือชุมชนใกล้เคียง
- กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย หรือถังดักไขมัน ต้องมีการทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสียทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- กำหนดให้สถานประกอบกิจการบันทึกข้อมูลปริมาณการใช้น้ำเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม และจัดทำมาตรการในการลดการใช้น้ำ
- ประกาศเป้าหมายในการลดการใช้น้ำให้กับพนักงานรับทราบ เพื่อสร้างความตระหนักและการร่วมมือในการใช้ทรัพยากรน้ำ
- รณรงค์สื่อสาร เพื่อสร้างความตระหนักให้กับผู้ปฏิบัติงาน ผ่านการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และหลักสูตรออนไลน์ อาทิ หลักสูตรสำนักงานสีเขียว (Green Office) เป็นต้น
- จัดทำช่องทางสื่อสารให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถแจ้งปัญหาอุปกรณ์ชำรุดที่พบ เพื่อให้สามารถดำเนินการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ทันที
ตัวชี้วัด | 2565 | 2566 | 2567 |
สัดส่วนปริมาณน้ำประปาต่อยอดขายน้ำมันผ่านคลังน้ำมัน | -45.02% | 6.76% | -3.48% |
สัดส่วนปริมาณน้ำประปาต่อยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการ | 16.01 | -13.80% | 7.83% |
อัตราการใช้น้ำต่อคนจากกิจกรรมภายในพื้นที่สำนักงานใหญ่(ลิตรต่อคน) | 81.06 | 51.89 | 47.34 (-8.77%) |
- สัดส่วนปริมาณน้ำประปาต่อยอดขายน้ำมันผ่านคลังน้ำมันเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการปรับปรุงระบบดับเพลิงและปรับปรุงถังเก็บน้ำดับเพลิง
- สัดส่วนปริมาณน้ำประปาต่อยอดขายน้ำมันผ่านสถานีเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการใช้น้ำประปามากขึ้นจากการขยายสถานีบริการ และการใช้บริการของผู้บริโภคที่มากขึ้น
การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พีทีจีได้กำหนดแนวทางในการจัดซื้อและจัดจ้างสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้ใช้สินค้าและบริการที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการผลิต ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลดการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลืองและลดมลภาวะที่อาจเกิดขึ้นจากการผลิตสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีความตระหนักในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยมีส่วนร่วมในการเลือกสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น ผู้จัดซื้อสินค้าจะต้องพิจารณาถึงการรับรองสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าที่ได้รับรองฉลากเขียว, ฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5, ฉลากประสิทธิภาพสูง, ฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าและบริการที่เลือกซื้อจะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่หากไม่สามารถเลือกสินค้าที่ได้รับการรับรองสินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ จัดซื้อสินค้าสามารถพิจารณาเลือกสินค้าและบริการจากเกณฑ์ดังต่อไปนี้ โดยเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการที่จะทำการเลือกใช้งานใหม่กับสินค้าหรือบริการที่ใช้งานเดิมอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งมีเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1.1.1 ใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย เช่น วัสดุไม่มีพิษ วัสดุหมุนเวียนทดแทนได้ วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่ใช้พลังงานต่ำในการจัดหา
1.1.2 ใช้วัสดุน้อย เช่น น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก มีจำนวนประเภทของวัสดุน้อย
1.1.3 มีเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ใช้พลังงานสะอาด ลดการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิต และลดขั้นตอนของกระบวนการผลิต
1.1.4 มีระบบขนส่งและจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ลดการใช้หีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่ฟุ่มเฟือย ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ใช้ซ้ำหรือหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ และเลือกใช้เส้นทางการขนส่งที่ประหยัดพลังงานที่สุด
1.1.5 ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดในช่วงการใช้งาน เช่น ใช้พลังงานต่ำ มีการปล่อยมลพิษต่ำในระหว่างการใช้งาน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง และลดการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น
1.1.6 มีความคุ้มค่าตลอดชีวิตการใช้งาน เช่น มีความทนทาน สามารถซ่อมแซมและดูแลรักษาง่าย และสามารถปรับปรุงต่อเติมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
1.1.7 มีระบบการจัดการหลังหมดอายุการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น มีการออกแบบให้สามารถนำสินค้าหรือชิ้นส่วนกลับมาใช้ซ้ำหรือหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ง่าย หรือหากต้องกำจัดทิ้งสามารถนำพลังงานกลับคืนมาใช้ได้
การจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่บริษัทฯ มีการจ้างงานจากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกมาดำเนินการแทนภายในบริษัทฯ ควรมีการคัดเลือกบุคคลหรือหน่วยงานที่เหมาะสม กล่าวคือ ต้องมีมาตรฐานการดำเนินงานที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับประเทศหรือระดับสากล
2. มีความพร้อมของการป้องกันมลพิษต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน เช่น มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง
3. มีความพร้อมของการป้องกันอันตรายจากการก่อสร้างหรือการปฏิบัติงาน
4. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
5. พนักงานของหน่วยงานได้รับการฝึกอบรมด้านการใช้ทรัพยากร พลังงาน การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการขยะ
ประเภทขยะ | ตัวอย่าง | วีธีการบริหารจัดการขยะ |
ขยะทั่วไป | ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร, กระดาษทิชชู่ใช้แล้ว |
คัดแยก และส่งกำจัดตามรอบที่เทศบาลหรือสำนักงานท้องถิ่นแต่ละพื้นที่กำหนด |
ขยะอินทรีย์ | เศษใบไม้ กิ่งไม้, เศษอาหาร | คัดแยกขยะเศษอาหาร เพื่อไปทำปุ๋ย และส่วนที่เหลือส่งกำจัดตามรอบที่เทศบาลหรือสำนักงานท้องถิ่นแต่ละพื้นที่กำหนด |
ขยะรีไซเคิล | ขวดพลาสติก, กระป๋องอลูมิเนียม | คัดแยก และขายให้กับผู้รับซื้อเพื่อนำไปรีไซเคิล |
ขยะอันตราย | ผ้าปนเปื้อนน้ำมัน, ถ่านไฟฉาย | คัดแยก และติดต่อผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ขนส่งและกำจัด โดยขึ้นทะเบียนต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้ดำเนินการ |
-
โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS)
พีทีจี สำนักงานใหญ่ ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกกิจกรรมของพนักงาน และต้องการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของพนักงาน ด้วยการบริหารจัดการขยะอย่างเต็มที่ ทั้งการคัดแยกขยะ และการส่งกำจัดไปสู่ปลายทางอย่างถูกต้อง ผ่านการดำเนินโครงการคัดแยกขยะภายในอาคารสำนักงาน ปัจจุบันสามารถคัดแยกขยะ รีไซเคิลประเภทกระดาษได้ จำนวน 2,910.5 กิโลกรัม พลาสติก จำนวน 369 กิโลกรัม และโครงการคัดแยกขยะฝาขวดพลาสติกจำนวน 21.8 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 10,682 ฝา ซึ่งทางองค์กรมีการดำเนินการขอรับรองโครงการดังกล่าวผ่าน องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงการดังกล่าวสามารสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกได้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ได้แก่
- กิจกรรมการคัดแยกขยะขยะรีไซเคิลในไซต์งานก่อสร้าง ( 4.353 tCO2eq )
- โครงการการลดและคัดแยกขยะของสถานีบริการน้ำมัน PT ในพื้นที่เขตปทุมวันและหนองแขม (3.677 tCO2eq)
- โครงการอบไปแยกไป ( 724 kgCO2eq)
-
โครงการ Green Coffee Shop
พีทีจี ได้ยกระดับให้ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านกาแฟ Coffee World เป็นร้านกาแฟ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Coffee Shop) ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจของ กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี
-
โครงการ PT ยิ่งทิ้ง ยิ่งได้
พีทีจี ได้ริเริ่มต้นแบบการจัดการขยะภายในสถานีบริการ สาขา หนองแขม ซึ่งร่วมกับกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตปทุมวันและหนองแขม และสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้เริ่มดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เพื่อเป็นแหล่งกำเนิดต้นแบบการจัดการขยะมูลฝอยที่ต้นทางอย่างยั่งยืน
-
โครงการยางหล่อดอก
เป็นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ยางรถบรรทุกสิบล้อ หัวลาก และกึ่งพ่วง (หาง) ของบริษัทฯ โดยเปลี่ยนมาใช้ยางหล่อดอกเฉพาะล้อตาม (ยกเว้นล้อหน้าและล้อขับเคลื่อนที่ยังคงใช้ยางใหม่เพื่อความปลอดภัย) โครงการนี้ช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง ลดปริมาณขยะจากยางที่หมดอายุการใช้งาน และลดการสั่งซื้อยางใหม่ ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในองค์กร ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2560 บริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2567 มีการนำมาใช้เปลี่ยนจำนวน 1,045 เส้น ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 7,956,000 บาท โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสนับสนุนแนวทางการรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
-
โครงการ Perk from Tash
เป็นโครงการที่สนับสนุนการจัดการขยะรีไซเคิลอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในอาคาร CW Tower รวบรวมขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ พลาสติก และโลหะ แล้วส่งไปจัดการกับทางอาคาร เพื่อสะสมคะแนน (Point) ซึ่งคะแนนที่ได้รับสามารถนำไปแลกเป็นสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับบริษัทฯ ได้ อาทิ ส่วนลดค่าบริการเครื่องปรับอากาศนอกเวลาทำการ โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด แต่ยังส่งเสริมการตระหนักรู้เรื่องการแยกขยะและการรีไซเคิลในองค์กร อีกทั้งยังสร้างแรงจูงใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้ในระยะยาว -
โครงการจุดคัดแยกขยะ
เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการจัดการขยะอย่างเป็นระบบในพื้นที่คลังน้ำมัน โดยมีการจัดสร้างพื้นที่เฉพาะสำหรับการคัดแยกขยะตามประเภทต่าง ๆ เช่น ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์ และขยะอันตราย เพื่อให้สามารถจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านได้ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องส่งไปกำจัดโดยตรง พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ใหม่ (Reuse) หรือการนำไปรีไซเคิล (Recycle) นอกจากนี้ การแยกขยะอันตรายออกจากขยะประเภทอื่นยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพนักงาน และได้มีการจัดกิจกรรมอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ รวมถึงติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ที่ชัดเจนในจุดทิ้งขยะ เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่ายในคลังน้ำมัน
-
การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์การลดและงดการใช้กล่องโฟมภายในคลัง
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์การลดและงดการใช้กล่องโฟมภายในพื้นที่คลังน้ำมัน โดยเน้นให้พนักงานและผู้ปฏิบัติงานตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้โฟม พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ง่าย เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและลดปริมาณขยะที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ -
มาตรการจัดการของเสียอันตราย: น้ำมันรั่วไหลบริษัทฯ ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหลอย่างรัดกุมและต่อเนื่อง ดังนี้:
-
มาตรการป้องกัน- ติดตั้งถาดเหล็กและระบบล้อมบูม (Boom) เพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันลงสู่แหล่งน้ำทุกครั้งที่มีการขนถ่ายน้ำมัน
- ควบคุมการขนถ่ายโดยเจ้าหน้าที่ประจำจุด พร้อมตรวจสอบขั้นตอนอย่างเข้มงวดตลอดกระบวนการ
- ทดสอบความดันท่อขนส่ง ทุก 6 เดือน (ท่อยาง) และทุก 1 ปี (ท่อเหล็ก) หากพบความชำรุดจะดำเนินการซ่อมแซมทันที
- กำหนดระงับการขนถ่ายทันทีหากเกิดคลื่นลมหรือสภาวะอันตราย เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุฉุกเฉิน -
มาตรการรองรับเหตุฉุกเฉิน- เตรียมอุปกรณ์ดูดซับน้ำมันและบูมดักน้ำมัน ไว้ที่จุดปฏิบัติการ และบริเวณท่าเรือเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของคราบน้ำมัน
- จัดฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อสร้างความคุ้นเคยแก่พนักงาน -
การจัดการของเสียหลังเหตุการณ์- น้ำมันและตะกอนที่ปนเปื้อนจะถูกส่งเข้าสู่ระบบบำบัด (DAF) และแยกเก็บไว้ในถังขนาด 18,000 ลิตร เพื่อส่งกำจัดอย่างถูกต้องโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต - ทำความสะอาดบ่อดักน้ำมัน และระบบระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ (รายสัปดาห์/รายเดือน)
-
ตัวชี้วัด | 2565 | 2566 | 2567 |
สัดส่วนของปริมาณขยะและของเสียอันตรายที่ถูกกำจัดอย่างถูกวิธี เป็นไปตามกฎหมายกำหนดและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | 100% | 100% | 100% |
การรั่วไหลของน้ำมันและสารเคมีอย่างมีนัยสำคัญ (กรณี) | 0 | 1 | 0 |
ค่าเฉลี่ยการใช้กระดาษภายในสำนักงานใหญ่(แผ่น/คน/เดือน) | 204,521 | 201,902 | 214,922 (6.45%) |
ค่าเฉลี่ยปริมาณขยะทั่วไปจากกิจกรรมภายในสำนักงานใหญ่ (kg/คน/เดือน) |
3.95 | 2.18 | 1.77 (-18.81%) |
หมายเหตุ:
- ปริมาณการรั่วไหลของน้ำมันที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นดินหรือแหล่งน้ำ
มากกว่า 100 บาร์เรล/ครั้ง
- ขอบเขตของข้อมูลในปี
2565 ได้แก่ สำนักงานใหญ่, คลังน้ำมัน และศูนย์ซ่อมบำรุงขนส่ง โดยในปี 2566
และปี 2567 ได้เพิ่มขอบเขตในส่วนคลังกระจายสินค้า
- ปริมาณที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากได้มีการจัดทำเอกสารสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมที่เพิ่มขึ้น
การบริหารจัดการมลพิษ
- การติดตั้งระบบควบคุมไอระเหยน้ำมัน (Vapor Recovery Unit: VRU) ในรถบรรทุกน้ำมัน
บริษัทตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้ติดตั้งระบบควบคุมไอระเหยน้ำมัน (Vapor Recovery Unit: VRU) ในรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อป้องกันการระเหยของสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ โดยมีการจัดทำแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance: PM) อย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบ VRU และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนที่จะใช้เทคโนโลยีมาตรฐาน EURO 5 ที่มีค่าการปล่อยมลพิษต่ำ ในรถขนส่งน้ำมันจำนวน 10 คัน ในปี 2568 เพื่อช่วยลดการปล่อยฝุ่นละอองและก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการจัดการคุณภาพอากาศขององค์กร และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ด้านสิ่งแวดล้อม
รายการ | ค่ามาตรฐาน | ผลการตรวจสอบเฉลี่ย | |
2566 |
2567 |
||
1. ฝุ่นทุกขนาดที่สามารถเข้าถึง และสะสมในถุงลมของปอดได้ (PM) | 3 mg/m3 | <1 mg/m3 | 0.05 mg/m3 |
2. สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เช่น เบนซิน | 100 ppm | <0.05 ppm | 0.15 ppm |
3. เมธิล เทอร์เทียรี่ บิวทิล อีเธอร์ (MTBE) | 1.7 µg/m3 | - | - |