การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน
เป้าหมายการดำเนินงาน
หัวข้อ
|
ผลการดำเนินงาน | เป้าหมาย | ||
2566 | 2567 | 2567 | 2570 | |
จำนวนครั้งในการอบรมพนักงานเรื่องสิทธิมนุษยชนและแรงงาน | 20 ครั้ง | 36 ครั้ง | - | - |
สัดส่วนความครอบคลุม PTG และบริษัทย่อยที่ได้รับการอบรมเรื่องสิทธิมนุษยชนและแรงงาน | 33.33% | 98.41% | 80% | 100% |
สถิติกรณีมีเหตุการณ์ที่บริษัทถูกร้องเรียนหรือถูกฟ้องร้องว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน | 0 กรณี | 0 กรณี | 0 กรณี | 0 กรณี |
กระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence)
พีทีจี มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรม เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน และให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนในการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นตลอดห่วงโช่คุณค่าทางธุรกิจ บริษัทได้พัฒนากระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Dilgence) ขึ้น เพื่อจัดการกับความเสี่ยงจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมวัฒนธรรมการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร โดยกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของบริษัท มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

นโยบายสิทธิมมุนษยชน
พีทีจี ได้จัดทำนโยบายสิทธิมนุษยชน โดยยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนได้นำแนวทางหลักการขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (United Nations Universal Declaration of Human Rights : UDHR) ข้อตกลงประชาคมโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nation Global Compact : UNGC) รวมถึงหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNCP) มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ ซึ่งได้ระบุแนวปฏิบัติสำหรับพนักงานในการส่งเสริมวัฒนธรรมการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนทั้งภายในและภายนอกองค์กร ครอบคลุมสิทธิพนักงาน สิทธิคู่ค้า สิทธิลูกค้า และสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยคาดหวังให้บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทร่วมค้า และคู่ค้าปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัท รวมถึงมีการสื่อสารอย่างชัดเจนไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ชุมชน คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเน้นประเด็นสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน เช่น การป้องกันการเลือกปฏิบัติ การคุกคามทางเพศ การใช้แรงงานเด็ก และการใช้แรงงานบังคับ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ดาวน์โหลดนโยบายสิทธิมนุษยชน
กระบวนการร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
พีทีจี เปิดโอกาสให้พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงความคิดเห็นสะท้อนปัญหา และแจ้งเบาะแส หรือข้อร้องเรียน หากมีเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกี่ยวข้องต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือจรรยาบรรณ ทั้งจากพนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านช่องทางรับเรื่องร้องเรียน whistleblower@pt.co.th, Call Center และ Mobile Application โดยมีการบริหารจัดการข้อร้องเรียนดังกล่าวอย่างเหมาะสมและให้ความเป็นธรรม โดยคุ้มครองบุคคลที่แจ้งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทโดยคุ้มครองข้อมูลผู้ร้องเรียนเป็นความลับ และใช้มาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนหรือผู้ที่ให้ความร่วมมือในการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูงสุด
กลไกการเยียวยากรณีเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หากตรวจสอบพบว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นจริง บริษัทจะดำเนินการเยียวยาผลกระทบตามความเหมาะสม โดยในเบื้องต้นจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และคืนสิทธิที่ผู้ได้รับผลกระทบควรได้รับ ทั้งในกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียภายในและผู้มีส่วนได้เสียภายนอก โดยมุ่งให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
1. ผู้มีส่วนได้เสียภายใน
- ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน บริษัทจะดำเนินการปรับแก้สัญญาการจ้างหรือคืนสิทธิที่เหมาะสม เช่น การชดเชยค่าจ้างย้อนหลัง หรือการชดเชยชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
- หากเป็นกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานโดยตรง เช่น การใช้อำนาจโดยมิชอบ การกลั่นแกล้ง หรือการกระทำผิดวินัย บริษัทจะดำเนินการทางวินัยกับผู้กระทำผิด และเยียวยาผู้เสียหายตามสิทธิที่ควรได้รับ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยความเสียหาย รวมถึงการติดตามดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว
2. ผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
- ดำเนินการเยียวยาตามความเหมาะสม เช่น การชดเชยค่าเสียหาย การคืนสิทธิที่ถูกละเมิด หรือการบำบัดฟื้นฟูในกรณีที่ได้รับผลกระทบด้านร่างกายหรือจิตใจ
- การขอโทษอย่างเป็นทางการจากองค์กรต่อผู้เสียหาย พร้อมทั้งดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสร้างความไว้วางใจและความร่วมมืออย่างยั่งยืน
- ทบทวนและปรับปรุงนโยบาย หรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เช่น การปรับปรุงระเบียบการทำงาน หรือการดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
การปฎิบัติต่อแรงงาน
2. การลดการทำงานล่วงเวลาและชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป (Avoiding or Reducing Overtime or Excessive Working Hours) บริษัทส่งเสริมรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Workplace และ Flexible Time) เพื่อให้พนักงานสามารถจัดการเวลาและสถานที่ทำงานได้อย่างเหมาะสม ในกรณีที่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา บริษัทอนุญาตเฉพาะเมื่อเป็นงานเร่งด่วนหรืองานที่ไม่สามารถหยุดชะงักได้ หากไม่ใช่กรณีดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังกำหนดมาตรการปิดระบบปรับอากาศที่สำนักงานใหญ่เวลา 17.30 น. เพื่อป้องกันการทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็น
3. การกำหนดชั่วโมงการทำงานสูงสุด (Setting Maximum Working Hours) บริษัทได้กำหนดชั่วโมงการทำงานตามลักษณะงานดังนี้
- สำนักงานใหญ่: แบ่งการทำงานออกเป็น 4 กะ ได้แก่กะที่ 1 เวลา 07.30 – 16.30 น. กะที่ 2 เวลา 08.30 – 17.30 น. กะที่ 3 เวลา 09.30 – 18.30 น. และกะที่ 4 เวลา 10.30 – 19.30 น.
- สำนักงานสาขา (Branch Offices) แบ่งตามประเภทงานดังนี้ งานปกติ: 08.00 – 17.00 น.งานห้องปฏิบัติการ (LAB): 08.00 – 17.00 น.งานกะ (Shift Work): จัดเป็น 2–3 กะ โดยแต่ละกะมีระยะเวลา 8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของแต่ละสาขาและงานขนส่ง (Transportation Work): ทำงานวันละ 7 ชั่วโมง เพื่อคงไว้ซึ่งความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน
สำหรับงานที่ต้องปฏิบัตินอกสถานที่ เช่น งานด้านการตลาด งานขาย งานติดตั้งระบบ หรือการตรวจสอบ บริษัทจะกำหนดชั่วโมงทำงานให้เหมาะสมกับลักษณะงาน โดยรวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาในเวลาทำงานหรือในวันหยุดต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อให้พนักงานมีสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance)
4. ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมระหว่างเพศชายและเพศหญิง (Equal Remuneration for Men and Women) บริษัทมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เคารพในความหลากหลายและไม่เลือกปฏิบัติในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ ภาษา หรือความเชื่อ โดยกำหนดค่าจ้างและสิทธิประโยชน์จากคุณค่าและความสามารถของงาน และส่งเสริมความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
5. การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดประจำปี (Paying Workers for Annual Leave) บริษัทกำหนดวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี รวมถึงวันแรงงานแห่งชาติ โดยพนักงานจะได้รับค่าจ้างในวันดังกล่าวเท่ากับวันทำงานปกติ ทั้งนี้ บริษัทประกาศวันหยุดประจำปีล่วงหน้าในเดือนธันวาคมของทุกปี เพื่อให้พนักงานสามารถวางแผนการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม
6. การปรึกษาหารือและการแจ้งล่วงหน้าก่อนการเลิกจ้างจำนวนมาก (Setting Minimum Consultation or Notice Periods before Mass Terminations) บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเคารพสิทธิแรงงาน โดยปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานไทยและหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก บริษัทจะดำเนินการแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง พร้อมแจ้งต่อพนักงานตรวจแรงงานตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานและผู้แทนแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในการหารือ เพื่อหามาตรการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสม ตลอดจนพิจารณามาตรการช่วยเหลือและการเยียวยาอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
การอบรมด้านสิทธิมนุษยชน
พีทีจีได้กำหนดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการอบรมให้ความรู้แก่หัวหน้างานใหม่ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายแรงงาน การปฏิบัติตามหลักการแรงงานสัมพันธ์ที่ดี และหลักสิทธิมนุษยชนโดยตรง โดยเจ้าหน้าที่จากส่วนพนักงานสัมพันธ์และสื่อสารภายในที่มีความชำนาญในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้หัวหน้างานใหม่ทุกคนสามารถปฏิบัติงานและดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และเป็นธรรม ไม่ละเมิดสิทธิของลูกจ้าง และยังเป็นการทราบถึงสิทธิของตนเองในฐานะเป็นลูกจ้างขององค์กรด้วย โดยจะมีการจัดฝึกอบรมทั้งในรูปแบบของ Online Onsite และแบบ Hybrid โดยคำนึงถึงความเหมาะสม และความปลอดภัยของหัวหน้างานใหม่ทุกคน ซึ่งได้ทำการอบรมไปทั้งสิ้น 12 รุ่น มีหัวหน้างนใหม่ที่เข้ารับการอบรมดังกล่าวจำนวน 1,140 คน
กิจกรรม / หลักสูตรอบรม | จำนวนพนักงานเข้าร่วมกิจกรรม/อบรม | สัดส่วนของพนักงานทีเข้าอบรมเทียบกับจำนวนพนักงานทั้งหมด |
กิจกรรม ER On tour | 1,140 | 98.19% |
หลักสูตรกฎหมายแรงงานเบื้องต้น และหลักการสิทธิมนุษยชนสำหรับหัวหน้างาน | 978 | 100% |
หมายเหตุ : จำนวนพนักงานทั้งหมด หมายถึง กลุ่มผู้จัดการสถานีบริการที่ต้องได้รับการอบรม
การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
พีทีจี มุ่งมั่นที่จะยกระดับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล โดยได้ร่วมเป็นสมาชิกและมีบทบาทสำคัญในสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ซึ่งทำหน้าที่ส่งเสริมมาตรฐานแรงงานและสุขภาวะในสถานประกอบการ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการร่วมกับกรมแรงงาน อีกทั้งยังเป็นภาคีเครือข่ายนักสร้างสุขภาวะองค์กรกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในองค์กร นอกจากนี้ PTG ยังมีบทบาทในคณะกรรมการพัฒนาสตรีเพื่อยกระดับสถานะของผู้หญิงในองค์กร พร้อมเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสถานประกอบการปลอดภัยยาเสพติดภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยจากยาเสพติด รวมถึงโครงการส่งเสริมสวัสดิการสำหรับแรงงานสูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาว
ในด้านความเป็นเลิศระดับนานาชาติ พีทีจี ยังได้รับรางวัล "HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2024" และ "Diversity, Equity, Inclusion Awards" จาก HR Asia Awards ซึ่งเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยรางวัลนี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ PTG ในการพัฒนาบุคลากรและสร้างสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย มีความเท่าเทียม และคำนึงถึงพนักงานทุกคน รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของบริษัทฯ ในการเป็นองค์กรที่ยอดเยี่ยม พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเยี่ยมให้กับพนักงาน PTG จึงภาคภูมิใจในความสำเร็จนี้ และจะเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการทำงานและส่งเสริมสิทธิด้านแรงงานต่อไป
คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรา 96 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมีผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ จำนวนทั้งสิ้น 7 คน
คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
1. ร่วมหารือกับคณะกรรมการสวัสดิการฝ่ายนายจ้างเพื่อจัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
2. ให้คำปรึกษา หารือ และเสนอแนะความคิดเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
3. ตรวจตรา ควบคุม และดูแลการจัดสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง
4. เสนอความคิดเห็นและแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน
5. เป็น “นักสร้างสุของค์กร” ดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสุขให้กับพนักงานทุกระดับ
นอกจากนี้ คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการจะมีการประชุมเป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อร่วมกันติดตามผลการดำเนินงานด้านสวัสดิการ แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ และกำหนดแนวทางพัฒนาสวัสดิการใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานอยู่เสมอ เพื่อให้พนักงานทุกคนได้อยู่ดีมีสุขและเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน