การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กลยุทธ์การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดาวน์โหลดกลยุทธ์การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิกาศ
การกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พีทีจี กำหนดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับองค์กร ซึ่งเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน เตรียมความพร้อมในการป้องกันและปรับตัวรับความเสี่ยง รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น บริษัทได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ซึ่งได้มอบหมายให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินและความยั่งยืน (Chief of Finance and Sustainability Officer) ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการกำกับดูแลประเด็นด้านความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับคณะกรรมการ นอกจากนี้ยังมีคณะทำงานบริหารความเสี่ยง ซึ่งรับผิดชอบในกระบวนการต่าง ๆ ของการบริหารความเสี่ยงองค์กร มีบทบาทหน้าที่เพิ่มเติมในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพ โดยผนวกรวมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร
แนวทางการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พีทีจี ประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามหลักการ
ของ Task Force on Climate-Related Financial Disclosures (TCFD) โดยระบุความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบตามสถานการณ์จำลอง (scenario) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ตามสถานการณ์ทางกายภาพ RCP8.5 สํานักงานพลังงานสากล (International Energy Agency: IEA) ตามสถานการณ์เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ETP 2DS และกรีนพีซ (Greenpeace) ตามสถานการณ์เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอน Greenpeace Advanced Energy [R]evolution เพื่อการบริหารผลกระทบทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมต่อไป
การประเมินผลกระทบด้านการเงินจากความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความเสี่ยง | ประเภท (TCFD) | ผลกระทบด้านการเงิน | กรอบระยะเวลา (สั้น/กลาง/ยาว) |
ความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ | Physical Risk (Acute) |
- Revenue: รายได้ของกลุ่มบริษัทอาจลดลงจากการปิดการขาย - OPEX: ต้นทุนในการจัดการของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นจากการฟื้นฟูพื้นที่ทำงาน ค่าเบี้ยประกัน และการจ่ายเงินเยียวยาพนักงาน |
ระยะสั้น |
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างถาวร | Physical Risk (Chronic) | - OPEX: ต้นทุนในการจัดการของบริษัทอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อทรัพย์สินของบริษัท | ระยะยาว |
ความเสี่ยงจากการปฏิบัติตามนโยบาย และกฎหมายของหน่วยงานภาครัฐที่อาจเปลี่ยนแปลงไป | Transition Risk (Policy & Legal) | - CAPEX: อาจต้องปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องตามกฎหมาย จึงอาจส่งผลให้ต้องใช้เงินลงทุนในโครงการสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ OPEX: อาจมีต้นทุนการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นจากการดำเนินการให้สอดคล้องตามกฎหมาย | ระยะสั้น |
ความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ | Transition Risk (Technology) | - CAPEX: อาจส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้นจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งอาจต้องใช้เงินลงทุนในจำนวนที่สูงขึ้นประมาณ 25-30% | ระยะกลาง |
ความเสี่ยงจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป | Transition Risk (Market) | - CAPEX: อาจส่งผลให้เงินลงทุนสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้จากการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป Revenue: อาจทำให้รายได้จากการขายน้ำมันลดลง ประมาณ 2.21% ของรายได้ทั้งหมด | ระยะกลาง |
ความด้านชื่อเสียงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | Transition Risk (Reputation) | - Revenue: อาจส่งผลให้ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเกิดความไม่พึงพอใจและไม่สนับ สนุนผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มบริษัท ส่งผลให้รายได้ กำไร และมูลค่าหุ้นของบริษัทอาจลดลง OPEX: หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาจทำให้บริษัทถูกค่าปรับจากการที่บริษัทไม่ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม | ระยะสั้น |
การประเมินโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประเภท | โอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ |
การคาดการณ์ผลกระทบด้านการเงิน |
Resource Efficiency | - การลดการใช้ไฟฟ้าในสำนักงาน คลัง และสถานีบริการ - การใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ในสถานีบริการ |
ประหยัดค่าไฟฟ้า 10% (OPEX: ประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการ) |
Energy Source | - การใช้และลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด | - ลดต้นทุนในระยะยาว (OPEX: ดอกเบี้ย Green Loan ลดลงประมาณ 1.5%) - คิดค้นผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน (CAPEX) เงินสนับสนุนจากกองทุนภาครัฐในการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม (OPEX) |
Product & Service | - ออกแบบและพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป | - เพิ่มรายได้จากสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Revenue: รายได้จากการขายไฟฟ้า EV Charger 7.15 บาท/หน่วย) - รายได้บัตร Max Card Plus EV (Revenue) รายได้จากการขาย RDF (Revenue) |
Market | - บุกตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้ากลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้ากลุ่มที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม | - เพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Revenue) - ดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม (Revenue) รายได้จากการขายแก้วรักษ์โลกของร้านกาแฟพันธุ์ไทย (Revenue) |
Resilience | - เข้าร่วมโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (T-VER) - มีการนำนโยบายด้านพลังานสะอาดของภาครัฐมาปรับใช้ในการดำเนินงานขององค์กร |
- เพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Revenue) รายได้จากการขาย Carbon Credit (ตามระยะเวลาที่ประเมิน) (Revenue) |
หมายเหตุ:
Revenue หมายถึง รายได้จากการดำเนินธุรกิจของบริษัท
OPEX (Operating Expenditure) หมายถึง รายจ่ายที่เป็นต้นทุนซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงานของกิจการ
CAPEX (Capital Expenditure) หมายถึง รายจ่ายที่เป็นต้นทุนในการลงทุนเพิ่มเติม
ดาวน์โหลดรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดาวน์โหลดประกาศนียบัตรเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) | 1,209 | 1,582 | 55,771 | 50,718 | 55,159 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 2) | 887 | 1,064 | 31,806 | 38,307 | 37,833 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (Scope 3) | 1,935,022 | 13,799,057 | 20,289,891 | 15,286,932 | 15,431,998 |
รวม | 1,683.496 | 13,801,703 | 20,377,468 | 15,375,957 | 15,524,990 |
หน่วย: ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
หมายเหตุ:
- ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกรวบรวมโดยใช้วิธีการควบคุมการดำเนินงาน (Operational Control) ตามที่ระบุใน GHG
Protocol - ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 2 ปี 2561-2563 ของพีทีจี และกลุ่มพีทีจี เอ็นเนอยี มีการปรับการคำนวณตาม Emission Factor จาก EPPO 2021
- ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของปี 2563 ครอบคลุมสถานปฏิบัติการของ พีทีจี คือ สำนักงานใหญ่ และคลังน้ำมัน โดยปี 2564 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมส่วนงานขนส่ง ปี 2565 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมสถานีบริการน้ำมัน และปี
2566 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมคลังกระจายสินค้า - ปี 2564 - 2566 บริษัทฯ ดำเนินการรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 (Scope 3) ในรูปแบบการรายงานทั้งหมด (full reporting) อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับแนวทางการคำนวณโดยเลือกเฉพาะ หมวดหมู่ที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้การรายงานสะท้อนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการดำเนินงานของ GHG Protocol เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
- ข้อมูลในปี 2567 มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น เนื่องจาก มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในธุรกิจการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) นั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิง
ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3)
ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
ประเภทที่ 1 การซื้อวัตถุดิบและบริการ | 203,155 | 1,215,576 | 1,221,141 | 1,382,245 | 1,430,073.07 |
ประเภทที่ 2 สินค้าประเภททุน | - | - | 18,087 | 32,821 | 10,933.14 |
ประเภทที่ 3 กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและพลังงาน | 887 | 1,052 | 434 | 16,088 | 14,790.97 |
ประเภทที่ 4 การขนส่งและกระจายสินค้าต้นน้ำ | 280 | - | 23,878 | 46,721 | 10,481.43 |
ปะเภทที่ 5 ของเสียจากกิจกรรมในองค์กร | - | 45 | 3,376 | 163 | 153.96 |
ประเภทที่ 6 การเดินทางเพื่อธุรกิจ | - | - | - | - | 216.46 |
ประเภทที่ 7 การเดินทางของพนักงาน | - | - | - | - | - |
ประเภทที่ 8 การใช้สินทรัพย์ที่เช่า | - | - | - | - | - |
ประเภทที่ 9 การขนส่งและกระจายสินค้าปลายน้ำ | - | - | 161,261 | 18,051 | 75,556.95 |
ประเภทที่ 10 การแปรรูปสินค้าที่องค์กรจำหน่าย | - | - | - | - | - |
ประเภทที่ 11 การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่องค์กรจำหน่าย | 1,730,700 | 8,729,439 | 18,861,693 | 13,790,842 | 15,431,997.70 |
ประเภทที่ 12 การกำจัดซากผลิตภัณฑ์ที่องค์กรจำหน่าย | - | - | 10 | - | 8,822.74 |
ประเภทที่ 13 การปล่อยเช่าสินทรัพย์ขององค์กร | - | - | 9 | - | 7,135.92 |
ประเภทที่ 14 การดำเนินงานของแฟรนไชส์ | - | - | - | - | - |
ประเภทที่ 15 การดำเนินการลงทุน | - | - | - | - | - |
หน่วย: ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
หมายเหตุ : บริษัทได้ขยายการเปิดเผย Scope 3 ให้ครอบคลุมหมวดหมู่ที่มีนัยสำคัญเพิ่มเติม เพื่อสะท้อนผลกระทบตลอดห่วงโซ่คุณค่า และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมาตรฐานการประเมิณระดับสากล
การดำเนินโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Reduce: พีทีจีมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานภายในองค์กรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานในสำนักงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง เช่น การลดการใช้กระดาษและพลาสติก รวมถึงส่งเสริมการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพผ่านโครงการรีไซเคิล บริษัทยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานทุกคนในองค์กร
- โครงการโซลาร์รูฟท็อป
พีทีจี ได้แสดงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่าน โครงการโซลาร์รูฟท็อป โดยดำเนินการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมันตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้พลังงานที่ยั่งยืน
- โครงการ EV Truck
บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินโครงการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขนส่ง โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการนำ รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV) มาใช้ในระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องที่บริษัทดำเนินการในปี 2567 จำนวน 2 คัน เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยผลจากการใช้งานรถบรรทุก EV นี้ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปได้ 451 ลิตร ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นปริมาณ 1.235 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e) โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดมลพิษและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศแล้ว ยังเป็นแนวทางที่ช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Reforest:
-
โครงการปลูกป่าสร้างสุข
บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิต และลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้คาดว่าจะสามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมายระดับชาติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ความหลากหลายทางชีวภาพ และการสนับสนุนอาชีพตามวิถีชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนในระยะยาว - โครงการต้นไม้ ลดโลกร้อน
บริษัทฯ มุ่งมั่นสนับสนุนการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศของชุมชน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาครัฐ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและชุมชนท้องถิ่น ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมหลากหลายเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศในพื้นที่รอบเขตปฏิบัติงานขององค์กร อาทิ- โครงการ "ปลูกโกงกาง สร้างสมดุล โลกยั่งยืน" ณ คลังน้ำมันชุมพร
- โครงการ "ปลูกต้นไม้ ลดคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มออกซิเจน" ณ คลังน้ำมันปักธงชัย
- โครงการ "รักษ์ต้นไม้ ลดโลกร้อน" ณ คลังน้ำมันพิษณุโลก
- โครงการ "ปลูกต้นไม้ เพิ่มออกซิเจน ชุมชนสีเขียว" ณ คลังน้ำมันสุรินทร์
จากการดำเนินโครงการเหล่านี้ สามารถเพิ่มศักยภาพในการดูดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้รวมทั้งสิ้น 5.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ช่วยสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนให้กับชุมชนในระยะยาว

Re-adjust Portfolio: พีทีจี มุ่งมั่นปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจเพื่อสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยธุรกิจ Renewable Energy ถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่บริษัทตั้งเป้าลงทุนในอนาคต เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
- กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน
ธุรกิจบริหารจัดการขยะและโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของบริษัท ฯ ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะและการปล่อยก๊าซมีเทนในชุมชน แต่ยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 6 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2568 ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำจัดขยะรวมกว่า 5,456.72 ตัน ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 12,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้จำนวน 130,000 ต้น นอกจากนี้ การบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนให้แก่ชุมชนและสังคมผ่านการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ผลสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมในชุมชน แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่สนับสนุนความยั่งยืนในอนาคต - สถานี EV Charger

การลงทุนเพื่อความยั่งยืนและรายได้จากธุรกิจสีเขียว
กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ได้จัดสรรงบลงทุนระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2568–2572) รวมประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดและการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้เป้าหมาย “Carbon Neutral 2030” บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างสมดุลระหว่าง ความมั่นคงทางพลังงาน การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการพัฒนาธุรกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งถือเป็นรายได้ที่สอดคล้องกับเกณฑ์กิจกรรมยั่งยืน (Sustainable Activities) ตามแนวทางของ EU Taxonomy โดยในปี 2567 รายได้จากกิจกรรมดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 0.0013% และ 0.0042% ของรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ ตามลำดับ สะท้อนถึงการเริ่มต้นลงทุนและการขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร ตลอดจนมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า และการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว