การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กลยุทธ์การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดาวน์โหลดกลยุทธ์การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิกาศ
การกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พีทีจี กำหนดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับองค์กร ซึ่งเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน เตรียมความพร้อมในการป้องกันและปรับตัวรับความเสี่ยง รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น บริษัทได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ซึ่งได้มอบหมายให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินและความยั่งยืน (Chief of Finance and Sustainability Officer) ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการกำกับดูแลประเด็นด้านความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับคณะกรรมการ นอกจากนี้ยังมีคณะทำงานบริหารความเสี่ยง ซึ่งรับผิดชอบในกระบวนการต่าง ๆ ของการบริหารความเสี่ยงองค์กร มีบทบาทหน้าที่เพิ่มเติมในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพ โดยผนวกรวมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร
แนวทางการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พีทีจี ประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามหลักการ
ของ Task Force on Climate-Related Financial Disclosures (TCFD) โดยระบุความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบตามสถานการณ์จำลอง (scenario) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ตามสถานการณ์ทางกายภาพ RCP8.5 สํานักงานพลังงานสากล (International Energy Agency: IEA) ตามสถานการณ์เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ETP 2DS และกรีนพีซ (Greenpeace) ตามสถานการณ์เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอน Greenpeace Advanced Energy [R]evolution เพื่อการบริหารผลกระทบทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมต่อไป
ดาวน์โหลดรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) | 1,209 | 1,582 | 55,771 | 50,718 | 55,159 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 2) | 887 | 1,064 | 31,806 | 38,307 | 37,833 |
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (Scope 3) | 1,935,022 | 13,799,057 | 20,289,891 | 15,286,932 | 15,431,998 |
รวม | 1,683.496 | 13,801,703 | 20,377,468 | 15,375,957 | 15,524,990 |
หน่วย: ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
หมายเหตุ:
- ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกรวบรวมโดยใช้วิธีการควบคุมการดำเนินงาน (Operational Control) ตามที่ระบุใน GHG Protocol
- ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 2 ปี 2561-2563 ของพีทีจี และกลุ่มพีทีจี เอ็นเนอยี มีการปรับการคำนวณตาม Emission Factor จาก EPPO 2021
- ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของปี 2563 ครอบคลุมสถานปฏิบัติการของ พีทีจี คือ สำนักงานใหญ่ และคลังน้ำมัน โดยปี 2564 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมส่วนงานขนส่ง ปี 2565 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมสถานีบริการน้ำมัน และปี 2566 มีการขยายขอบเขตการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมคลังกระจายสินค้า
- ปี 2564 - 2566 บริษัทฯ ดำเนินการรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 (Scope 3) ในรูปแบบการรายงานทั้งหมด (full reporting) อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับแนวทางการคำนวณโดยเลือกเฉพาะ หมวดหมู่ที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้การรายงานสะท้อนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการดำเนินงานของ GHG Protocol เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
- ข้อมูลในปี 2567 มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น เนื่องจาก มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในธุรกิจการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) นั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิง
การดำเนินโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Reduce: พีทีจีมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานภายในองค์กรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานในสำนักงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง เช่น การลดการใช้กระดาษและพลาสติก รวมถึงส่งเสริมการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพผ่านโครงการรีไซเคิล บริษัทยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานทุกคนในองค์กร
- โครงการโซลาร์รูฟท็อป
พีทีจี ได้แสดงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่าน โครงการโซลาร์รูฟท็อป โดยดำเนินการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมันตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้พลังงานที่ยั่งยืน
- โครงการ EV Truck
บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินโครงการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขนส่ง โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการนำ รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV) มาใช้ในระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องที่บริษัทดำเนินการในปี 2567 จำนวน 2 คัน เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยผลจากการใช้งานรถบรรทุก EV นี้ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปได้ 451 ลิตร ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นปริมาณ 1.235 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e) โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดมลพิษและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศแล้ว ยังเป็นแนวทางที่ช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Reforest:
-
โครงการปลูกป่าสร้างสุข
บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิต และลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้คาดว่าจะสามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมายระดับชาติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ความหลากหลายทางชีวภาพ และการสนับสนุนอาชีพตามวิถีชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนในระยะยาว - โครงการต้นไม้ ลดโลกร้อน
บริษัทฯ มุ่งมั่นสนับสนุนการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศของชุมชน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาครัฐ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและชุมชนท้องถิ่น ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมหลากหลายเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศในพื้นที่รอบเขตปฏิบัติงานขององค์กร อาทิ- โครงการ "ปลูกโกงกาง สร้างสมดุล โลกยั่งยืน" ณ คลังน้ำมันชุมพร
- โครงการ "ปลูกต้นไม้ ลดคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มออกซิเจน" ณ คลังน้ำมันปักธงชัย
- โครงการ "รักษ์ต้นไม้ ลดโลกร้อน" ณ คลังน้ำมันพิษณุโลก
- โครงการ "ปลูกต้นไม้ เพิ่มออกซิเจน ชุมชนสีเขียว" ณ คลังน้ำมันสุรินทร์
จากการดำเนินโครงการเหล่านี้ สามารถเพิ่มศักยภาพในการดูดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้รวมทั้งสิ้น 5.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ช่วยสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนให้กับชุมชนในระยะยาว

Re-adjust Portfolio: พีทีจี มุ่งมั่นปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจเพื่อสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยธุรกิจ Renewable Energy ถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่บริษัทตั้งเป้าลงทุนในอนาคต เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
- กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน
ธุรกิจบริหารจัดการขยะและโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของบริษัท ฯ ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะและการปล่อยก๊าซมีเทนในชุมชน แต่ยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 6 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2568 ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำจัดขยะรวมกว่า 5,456.72 ตัน ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 12,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้จำนวน 130,000 ต้น นอกจากนี้ การบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนให้แก่ชุมชนและสังคมผ่านการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ผลสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมในชุมชน แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่สนับสนุนความยั่งยืนในอนาคต - สถานี EV Charger
